เมื่ออายุมากขึ้น อวัยวะทุกส่วนในร่างกายย่อมเสื่อมลง รวมถึงดวงตา ซึ่งเป็นอวัยวะที่คนส่วนใหญ่มักละเลยการตรวจ เพราะคิดว่าไม่มีปัญหา กว่าจะมาพบจักษุแพทย์ก็เมื่ออาการของโรครุนแรง จนบางครั้งอาจไม่สามารถรักษาให้หายได้ บทความนี้ได้รวบรวมโรคตาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุที่ควรรู้จัก เพื่อจะได้ป้องกันและถนอมสุขภาพตาให้สามารถมองเห็นได้อย่างสดใสไปนานๆ เรามาดูกันว่ามีโรคเกี่ยวกับ ตา มีอะไรบ้างที่เกิดขึ้นในวัยขแงผู็สูงอายุและเกิดจากโรคร้ายด้วย1. โรคตาแห้งเป็นโรคที่พบได้บ่อยมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากอายุที่มากขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน รวมถึงโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน รูมาตอยด์ ไทรอยด์ ต้อกระจก หรือในคนที่ทำเลสิก ใส่คอนแทคเลนส์มานานเป็นสิบปี นอกจากนี้ยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต ก็ทำให้เกิดตาแห้งได้เช่นกัน
อาการส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการเคืองตา คันตา ไม่สบายตา หรือตาแดงบ่อยๆ รู้สึกเคืองตา คันตา เมื่อทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ ในบางรายอาจมีน้ำตาไหลตลอดเวลา ซึ่งมักเป็นอาการที่ทำให้ผู้ป่วยสงสัยเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นตาแห้ง ทั้งนี้เนื่องจากภาวะตาแห้งทำให้มีการระคายเคืองตา เมื่อมีการระคายเคืองเรื่อยๆ จะไปกระตุ้นปฏิกิริยาของร่างกายให้มีการสร้างน้ำตาขึ้นมามาก ดังนั้นสาเหตุของการมีน้ำตาไหลคือตาแห้ง ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องหยอดน้ำตาเทียมเพื่อรักษาอาการน้ำตาไหลที่เกิดเนื่อง จากภาวะตาแห้ง
2.ต้อกระจกคือ ภาวะที่เลนส์ตาเกิดการขุ่น (ภาวะปกติจะใส) ทำให้แสงผ่านเข้าตาได้น้อยลง จึงมองเห็นได้ไม่ชัดเจน อาจมีสาเหตุจากอายุ หรือปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น เบาหวาน
อาการขึ้นกับความรุนแรงของโรค แล้วแต่ว่าเลนส์ตาขุ่นมากน้อยเพียงใด อาการที่อาจพบได้ เช่น มองเห็นสีทึมๆ ไม่สดใส มองเห็นได้ไม่ชัดเจนเหมือนเคยในที่ที่มีแสงเท่าเดิม มองเห็นภาพซ้อน มองไม่เห็นเมื่อมีแสงจ้าหรือสู้แสงไม่ได้ ขับรถแล้วมองแสงไฟสะท้อนจากรถฝั่งตรงข้ามไม่ได้ เป็นต้น
3.ต้อหินเป็นโรคที่มีการทำลายของเส้นประสาทตา โดยส่วนใหญ่เกิดจากความดันในลูกตาสูง จัดเป็นโรคที่เป็นภัยเงียบเพราะสามารถทำให้ตาบอดอย่างช้าๆ ได้
ผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงจะเป็นต้อหิน ได้แก่ ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคต้อหินมาก่อน ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ใช้ยาบางอย่าง เช่น สเตียรอยด์ (การใช้ยาหยอดตาสเตียรอยด์ควรใช้ในขนาดและตามเวลาที่แพทย์สั่งเท่านั้น อย่าซื้อยามาใช้เอง เพราะการใช้ยาหยอดตาที่มีสเตียรอยด์ต่อเนื่องกันนานๆ อาจทำให้เกิดต้อหินได้)
อาการผู้ป่วยมักไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคต้อหิน เนื่องจากโรคจะค่อยๆ ดำเนินไปอย่างช้าๆ โดยเริ่มจากการมองเห็นที่ลดลงทางด้านข้าง (ยังมองเห็นตรงกลางได้ชัดเจน) จนตาบอดสนิทได้ในผู้ป่วยต้อหินระยะสุดท้าย ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดตาเล็กน้อย เมื่อรับประทานยาก็หาย จึงไม่ได้ให้ความสำคัญ สำหรับผู้ป่วยที่มีความดันตาสูงมากเฉียบพลัน อาจมีอาการปวดศีรษะรุนแรง ตาแดง อาเจียน มองเห็นไฟเป็นดวงๆ กระจัดกระจาย แต่พบกรณีนี้ได้น้อยกว่าผู้ที่มีความดันตาสูงกว่าปกติเพียงเล็กน้อย
4.จอตาเสื่อมในผู้สูงอายุเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของจุดศูนย์กลางของจอตา ซึ่งเป็นจุดรับภาพที่ทำให้เรามองเห็น โรคนี้แบ่งออกเป็นชนิดแห้งและชนิดเปียก โดยชนิดแห้งเป็นชนิดที่พบได้มากกว่า เซลล์ประสาทตาบริเวณจุดรับภาพจะค่อยๆ เสื่อมไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ ตามอายุ ใช้เวลานาน จนถึงระยะท้าย ผู้ป่วยจะมองไม่เห็นตรงกลาง แต่จะมองเห็นด้านข้างได้ (ตรงกันข้ามกับต้อหิน) ส่วนชนิดเปียก พบได้น้อยกว่าแต่รุนแรงกว่าชนิดแห้ง เนื่องจากมีการเสื่อมของจอตาร่วมกับมีการสร้างเส้นเลือดผิดปกติใต้จอตา ทำให้จอตาบวมและมีเลือดออกได้ ส่งผลให้ตามัวเฉียบพลัน ผู้ป่วยอาจมองไม่เห็นทันทีได้
ปัจจัยเสี่ยงของจอตาเสื่อมในผู้สูงวัย ได้แก่ อายุที่มากขึ้น มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้มาก่อน (ในรุ่นลูกจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นในอายุที่ลดลงมา เช่น คุณพ่อคุณแม่เป็นเมื่ออายุ 60 ปี ลูกอาจมีโอกาสเป็นในขณะอายุ 50 ปี) ผู้ที่ต้องอยู่กลางแดดนานๆ เช่น วิศวกรที่ทำงานกลางแดดตลอดเวลา ผู้ที่สูบบุหรี่ อ้วน เป็นโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น โดยโรคนี้จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
อาการขึ้นกับชนิดที่เป็น ผู้ป่วยที่เป็นจอตาเสื่อมชนิดแห้ง อาจมาด้วยอาการมองไม่เห็นส่วนกลางของภาพหรือเห็นภาพบิดเบี้ยว ไม่สามารถอ่านหนังสือได้ ส่วนผู้ป่วยที่เป็นจอตาเสื่อมชนิดเปียก อาจมีอาการตามัวเฉียบพลัน มองไม่เห็นในทันทีได้
5.เบาหวานขึ้นตาแม้โรคนี้จะไม่ขึ้นกับความเสื่อมโดยตรงจากอายุ แต่พบว่าเมื่ออายุมากขึ้น ความเสี่ยงของการเป็นโรคเบาหวานก็มากขึ้น และโรคเบาหวานเองก็เป็นโรคที่ทำร้ายสุขภาพของดวงตาอย่างมาก โดยสามารถทำให้เกิดโรคตาแห้ง ทำให้เกิดต้อกระจกได้มากขึ้น และทำให้มีความเสี่ยงของต้อหินมากกว่าคนปกติ แต่ที่เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวานคือ เบาหวานขึ้นจอประสาทตา
อาการผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ บางรายอาจมาด้วยอาการตามัว มองเห็นภาพตรงกลางบิดเบี้ยว เห็นเงาดำลอยไปมา ในรายที่เป็นต้อหินจากเบาหวาน อาจมีอาการปวดตาร่วมด้วย
ทั้งหมดที่กล่าวมาคือโรคที่เกี่ยวกับสายตา ในผู้สูงอายุและผลข้างเคียงของโรคร้าย เช่น เบาหวาน ปัจจุบันมาการรักษาโรคดังกล่าวมากมาย ทั้งทางการแพทย์แผนปัจจุบันและสมุนไพรต่างๆมากมาย และในยุคสมันการพัฒนาการเทคโนโลยี ทางการแพทย์ต่างๆมากมายก็ได้มีการค้นคว้าและวิจัย เกี่ยวกับสารสกัดทางธรรมชาติที่สมารถดูแลและบำรุงสายตาให้มีความปกติดียิ่งขึ้นอีกทั้งยังช่วยปรับระดับความสุมดุลของร่างกายที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกและที่สำคัญ มันคือผลงานของคนไทยนั้นเอง จึงก่อกำเนิดทีมคณะวิจัยขึ้นมาโดยเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ทีม BIM ประกอบด้วยบุคคลดังนี้สำหรับ คณะนักวิทยาศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญในปฏิบัติการ Operation BIM ครั้ง นี้มี ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจินดา, รศ.ดร.วิลาวัลย์ มหาบุษราคัม, ภญ.รศ.ดร.อำไพ ปั้นทอง, รศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ และ ผศ.ดร.ศิริวรรณ องค์ไชย (แย้มนิยม) ทั้งหมดได้ทำการค้นคว้าวิจัย ระบบการทำงานของร่างกาย จนสามารถรู้ว่า มีธัญพืชบางชนิดและผลไม้บางชนิดสามารถประสมดุลของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลจริง จึงได้ต่อยอดการวิจัย นำสารสกัดจาก ผลไม้และธัญพืชที่ 5ชนิด ได้แก่ มังคุด ถั่วเหลืง ฝรั่ง งาดำ บัวบก มาสกัดในรูปแบบอาหารเสริมชนิดแคปซูล หรือที่รู้จักกันในชื่อ BIM100 ปัจจุบันทางทีมวิจัยได้พัฒนาผลงานอย่างต่อเนื่องและเป็นที่รู้จักไปทั่ว ทั่งในประเทศและต่างประเทศ และล่าสุดได้มีการต่อยอดการวิจัยและการค้นคว้า จนเป็นผลสำเร็จ จนได้ผลิตภัฑณ์ที่ ดูแลสุขภาพสายตา เป็นการต่อยอดของผลงานวิจัยใหม่ที่ผ่านการทดสอบจนประสบผลสำเร็จกล่าวได้
![]() สมารถติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์086-3864034Email: bim100balance@gmail.comLINE ID : mayboolove
|
![]() |
รู้ทันโรคเมอร์ส |
วันที่: Wed Apr 16 20:06:26 ICT 2025
|
|
|